ในบางครั้งการมี Complimentary Room เยอะ มันอาจทำให้จำนวน Occupied Room หรือห้องที่มีแขกอยู่มันสูงขึ้นก็จริง แต่ในบางครั้งมันก็ดึง ARR = Average Room Rate ที่สมัยผมยังนิยมใช้ตัวนี้อยู่ (ปัจจุบันส่วนใหญ่หันมาใช้ ADR = Average Daily Rate) ให้ต่ำลงได้เช่นกันถ้ามีห้อง Complimentary Room เยอะไป

ตัวผมเองเคยใช้วิธีนึงในการทำให้ ARR มันสูงขึ้นโดยตัดตัวห้อง Complimentary Room นั้นออกไป เนื่องจากมองว่าห้อง Comp. นี้ไม่ได้มีผลทางรายได้เท่าไหร่จะมีก็แต่รายจ่ายที่เราต้องให้ฟรีเท่านั้นแต่ในบางโรงแรมก็ยังคงเอาไปคิดรวมอยู่ซึ่งก็แล้วแต่วิธีคิดและกำหนดของแต่ละโรงแรม โดยวิธีคิดที่ใช้คือ เอา Total Room Available (จำนวนห้องพักที่มีอยู่ในโรงแรม นับรวม OOO, OOI, ไปด้วย)

สมมุติว่าทั้งโรงแรมมีทั้งหมด 200 ห้อง จากนั้นก็มาดูว่า Occupied Room หลังจากที่ได้ทำการ Close Day แล้วมาดูว่าวันนั้นมีทั้งหมดกี่ห้อง สมมุติว่ามีอยู่ทั้งหมด 100 ห้องและใน 100 ห้องนี้มี Comp. Room อยู่ 5 ห้อง เท่ากับว่าเรามี Paying Guest Room = 95 ห้องและมี Comp. Room ที่ไม่มีค่าห้องแสดงใน PMS อยู่ 5 ห้อง (ส่วนใครจะใส่ค่าห้องเข้าไปเพื่อให้มันบันทึกใน PMS แล้วไปตัดค่าใช้จ่ายออกหลังบ้านก็แล้วแต่จะทำครับ) ถ้าเราคิด Occupancy แบบปกติก็จะได้ Total Room Occupied (100) / Total Room Available (200) * 100 (เพื่อคิดเป็น%) จะได้ Occupancy ของวันนั้นหลัง Close Day ที่ 50% (100/200*100 = Occ. 50%)

จากนั้นเราก็จะมาดูว่า ARR ในแต่ละห้องที่เป็น Occupied Room นั้นอยู่ที่เท่าไหร่ก็เอา Total Room Rev. ที่ได้มา / กับ Occupied Room สมมุต Total Room Rev. (รายได้เฉพาะค่าห้องพัก) หลัง Close Day = 300,000 บาท ก็เอามาหารกับ Total Occupied Room = 100 ห้อง ฉะนั้นมันก็จะได้ ARR ที่ 300,000/1000 = 3,000 บาท

แต่!!! มันจะได้มากกว่านี้ถ้าเราอยากรู้รายได้เฉพาะห้องที่จ่ายเงินมาจริงๆ ไม่รวมห้องฟรี เราก็แค่เอา Comp. Room ออกไม่นำมาคำนวณรวมด้วย มันก็จะคิดใหม่ได้แบบนี้คือ 300,000 / 95 (ไม่เอาอีก 5 ห้องที่เป็น Comp. มารวมเพราะถือว่าไม่มีรายได้) ฉะนั้นก็จะได้ ARR. ที่ 3,158 บาท โดยวิธีคิดแบบนี้มันเป็นเพียงแค่แบบหนึ่งในกรณีที่ต้องการรู้เฉพาะ ARR สำหรับห้องที่เป็น Paying Guest Room จริงๆ ห้องฟรีไม่เอา

ลองตั้งข้อสังเกตนะครับว่าเวลาที่เราโทรเช็ค Hotel Competitor กันระหว่างโรงแรมซึ่งในหมู่พนักงานจะชอบแซวๆ กันแบบถล่มถ่มถุยว่าโรงแรมใคร Occ. สูงกว่า 5555 - โรงแรมแรก Occ. 90%, ARR = 1,500 บาท มีแขก In House 400 ห้องจาก 500 ห้อง... ดูเหมือนจะ Perfect ครับเพราะ Occ. สูงมากเกือบ 100% ชนิดไม่อายใคร คุยที่ไหนก็ชนะ แต่ ARR. อยู่ที่ 1,500 บาทต่อห้อง - โรงแรมที่สอง Occ. 30% ARR = 3,000 บาท มีแขก In House 30 ห้องจาก 100 ห้อง.... ดูเหมือนแย่นะมีแขกแค่ 30% เอง... แต่ลองคิดอีกทีครับในขณะที่โรงแรมแรกต้องขายห้องถึง 2 ห้องเพื่อที่จะได้ ARR 3,000 บาท แต่โรงแรมที่สองขายแค่ห้องเดียวก็ได้แล้ว

เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ลองคิดดูว่าจะตั้งราคาขายแบบไหนและกำหนดทิศทางไปในแนวไหน เพราะข้อสังเกตที่ผมนำมาเสนอนี้เป็นแค่มุมมองหนึ่งส่วนตัวเท่านั้นไม่ได้หมายความว่าใครเป็นแบบไหนแล้วจะผิดหรือถูกเพราะสุดท้ายโรงแรมเองเท่านั้นที่รู้ดีว่าควรใช้วิธีแบบไหน กำหนดสูตรการคิดยังไง ที่เหมาะกับลักษณะธุรกิจของตัวเองมากที่สุด

สมัครสมาชิกกับเราเพื่อรับสิทธิการติดต่อสถานที่จัดงานประชุมสัมมนาโดยตรงที่นี่ https://plus.google.com/u/0/collection/sOp5UE

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตอน City Ledger เช็คให้ดีก่อนปล่อยแขก

ตอน ถ้าไม่ปิด City Ledger จะเป็นยังไง?